คำนิยม แต้มหมากอัศวิน
โดย เอลเลอรี ควีน
เฟรเดริค แดนนี่กับมันเฟรด บี. ลี ลูกพี่ลูกน้องสองคน ใช้นามปากการ่วมกันว่า ”เอลเลอรี่ ควีน” เขียนรหัสคดี ก่อตั้งและจัดการ นิตยสารรหัสคดีเอลเลอรี่ ควีน ทั้งคู่เป็นนักประวัติศาสตร์รหัสคดี ทำหน้าที่บรรณาธิการรวมเรื่องสั้นและระบบเรื่องสั้นจำนวนนับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ พวกเขายังใช้นามปากกาเดียวกันเขียนหนังสือปริทัศน์และวิจารณ์เรื่องสั้นสืบ สวน/รหัสคดีเป็นคู่มือของนักอ่านและนักสะสมไว้หลายเล่ม เช่น The Detective Short Story, In the Queen's Parlor, Other Leaves from the Editors' Notebook ผลงานที่ทรงอิทธิพลที่สุดทางด้านนี้คือ Queen's Quorum, A History of the Detective/Crime Story ซึ่งเพิ่มเติมเนื้อหาหลายครั้งจนครั้งสุดท้ายในปี 1969
แดนนี่เป็นหัวแรงใหญ่ในการเขียนหนังสือวิชาการที่ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และบรรณานุกรมของรวมเรื่องสั้นรหัสคดีเล่มสำคัญๆซึ่งเป็นผลงานของนักเขียนคนเดียว หนังสือของนักเขียนจำนวนมากได้รับการกล่าวถึงเรียงตามลำดับเวลาในการจัดพิมพ์ นับจากรวมเรื่องสั้น Tales ของเอ๊ดก้าร์ แอลแลน โปในปี 1845 จนถึงปี 1967 เมื่อควีนเลิกเพิ่มเติมรายชื่อต่อท้าย แม้สำรวจข้อมูลในช่วงเวลายาวกว่า 120 ปี แต่หนังสือที่คัดเลือกล้วนเป็นตัวแทนของยุคและเป็นเล่มสำคัญของแต่ละทศวรรษ
จากจำนวนหนังสือรวมเรื่องสั้นรหัสคดีทั้งหมด 125 เล่มในทำเนียบที่เรียกว่าQueen's Quorum นั้น แต้มหมากอัศวิน อยู่ในลำดับที่ 105 โดยมีข้อความปริทัศน์และวิจารณ์ดังนี้ :
ปี 1949 ได้ให้กำเนิดหลักหมายสำคัญหลักหนึ่งเมื่อมีการตีพิมพ์หนังสือรวมเรื่องสั้น 6 เรื่องเกี่ยวกับแกวิน สตีเว่นส๎
ครั้งแรกที่เราอ่านเรื่องสั้นเกี่ยวกับแกวิน สตีเว่นส๎ จะไม่มีการเอ่ยถึงนามสกุลของตัวเอกเลย รวมทั้งไม่มีการบอกชื่อผู้เล่าเรื่องซึ่งเป็นหลานชายวัยเยาว์ของลุงแกวินด้วย นี่ยิ่งทำให้เราเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างตัวละครของฟ้อล์คเนอร์กับตัวละครคล้ายคลึงกันซึ่งเมลวิลล์ เดวิสสัน โพ้สต์สร้างขึ้นมาก่อน--ได้แก่ลุงแอ๊บเน่อร์กับเด็กชายนิรนามซึ่งทำหน้าที่เป็น ”วัตสัน” ของลุงแอ๊บเน่อร์ แต่ในเรื่องต่อๆมาของฟ้อล์คเนอร์ เราได้เรียนรู้ว่าลุงแกวินมีชื่อ-สกุลว่าแกวิน สตีเว่นส๎ และหลานชายซึ่งเป็นวัตสันของแกชื่อชิค แมลลิสัน
แต่สัญชาตญาณอาจจะถูกต้องได้ในขณะที่ “ข้อเท็จจริง” ผิดพลาดทั้งหมด ความสัมพันธ์กันลึกๆระหว่างตัวละครของโพ้สต์กับตัวละครของฟ้อล์คเนอร์มีอยู่จริง ทั้งลุงแอ๊บเน่อร์และลุงแกวินผุดบังเกิดพร้อมกับความสง่างามที่เข้าใกล้ความยิ่งใหญ่ ทั้งคู่ถูกซึมซับด้วยการใฝ่หาความยุติธรรมจนล้นพ้น ทั้งคู่คิดและพูดในลักษณะแฝงนัยลึกลับขรึมขลัง ทั้งคู่เป็นผู้ชายที่เด็ดเดี่ยวกล้าแกร่งอย่างน่าทึ่ง มีจริยธรรม เลื่อมใสศาสนา มีมนุษยธรรม และทั้งคู่เป็นอเมริกันโดยแก่นแท้
ปรัชญาในการสืบสวนของแกวิน สตีเว่นส๎ไม่ได้ยึดถือขนบธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด แต่ลุงแอ๊บเน่อร์ปฏิบัติตามอย่างสุดจิตสุดใจ ไม่ต่างจากนักสืบสำคัญคนอื่นๆในเรื่องแต่ง (หรือเรื่องจริง) แกวินกล่าวว่า: ”ผมสนใจความยุติธรรมและมนุษย์มากกว่าความจริง ชั่วชีวิตนี้ผมเคยเห็นแต่ความจริงที่เป็นได้ทุกอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์นอกจากความยุติธรรม และได้เห็นความยุติธรรมใช้เครื่องมือสารพัดที่ผมไม่จำเป็นต้องหาลูกกรงมาต่อเติมเลยแม้แต่ซี่เดียว” นี่คือบัณฑิตที่ได้รับกุญแจไฟ เบตา แค้ปป้าจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ซึ่งสามารถถกเรื่องไอน์สไตน์กับอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือจะใช้เวลายามบ่ายพูดจาประสาลูกทุ่งอยู่ในกลุ่มที่ชอบนั่งชันเข่าพิงกำแพงร้านค้าท้องถิ่นก็ได้เหมือนกัน
.
การตีพิมพ์, การโฆษณา และการปริทัศน์เชิงวิจารณ์ แต้มหมากอัศวิน ของฟ้อล์คเนอร์ได้ตอกย้ำให้เห็นอีกครั้งถึงความดัดจริตทางวรรณกรรมที่น่าละอายซึ่งเคยมีอยู่เสมอ และยังคงมีอยู่ในอเมริกา สำนักพิมพ์และนักวิจารณ์จำนวนมากเหลือเกินที่ตีตราให้นิยายสืบสวนเป็น วรรณกรรมลูกเมียน้อย กระทำต่อนิยายสืบสวนอย่างเย่อหยิ่งและเหยียดหยาม ยกตัวอย่างเช่น ในปี 1949 บรรดาสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์ แต้มหมากอัศวิน คาดหมายล่วงหน้าว่าฟ้อล์คเนอร์จะคว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (รางวัลยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการจนกระทั่งวันที่ 10 พฤศจิกายน 1950) ต่างพากันโฆษณาหนังสือเล่มนี้ว่าเป็น ”นิยายสืบสวน” เล่มแรกของผู้เขียน เล่มแรก? แล้ว Intruder in the Dust (1948) คืออะไรถ้าไม่ใช่นิยายสืบสวน ทำไมต้องกำกับเครื่องหมายอัญประกาศ—อย่างกับนิยายสืบสวนเป็นถ้อยคำสกปรก The Newyork Times อ้างถึงหนังสืออาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่าว่าเป็นรวมเรื่องสั้นที่ ”มีการหักมุมแบบนิยายที่สืบหาว่าใครเป็นคนทำ”—เป็นท่าทีอวดภูมิที่มีนัยแฝง ว่าผู้เขียนได้ลดตัวลงมาด้วยเหตุผลทางวรรณกรรมอย่างหนึ่ง และใน Saturday Review of Literature ที่ควรกราบไหว้ เฮาเหวิร์ด มัมฝอร์ด โจนส๎วาดภาพแกวิน สตีเว่นส๎อย่างค่อนข้างหมิ่นแคลนว่า ”ไม่มีอะไรมากไปกว่านักสืบสมัครเล่นที่แปลกต่างออกไปอีกรูปแบบหนึ่ง” มร.โจนส๎เขียนว่า ”ในแง่หนึ่ง เรื่องต่างๆในหนังสือเล่มนี้คือนิยายรหัสคดี”—ราวกับนั่นเป็นการประทับความต่ำต้อยให้เรื่องสั้นเหล่านี้โดยอัตโนมัติ เขายอมรับ ”พลังแห่งการบรรยาย” ของฟ้อล์คเนอร์ จากนั้นก็ชี้บอกอย่างระมัดระวังว่า ”แต่พลังแห่งการบรรยายไม่สอดรับกับโครงเรื่อง”—ราวกับโครงเรื่องเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจโดยตัวของมันเอง
ความจริงแท้ๆและง่ายๆคือ แต้มหมากอัศวิน เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นสืบสวนเล่มหนึ่งที่ไม่เพียงอยู่ห่างไกลจากคำก่นด่าดังกล่าว แต่ควรจะได้รับการวินิจฉัยคุณค่าให้กว้างขวางขึ้น นักเขียนคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จระดับนานาชาติในปัจจุบันอย่างฟ้อล์คเนอร์ ควรเขียนนิยายสืบสวนโดยไม่ต้องตะขิดตะขวงใจเพื่อพิสูจน์อีกครั้ง—ถ้าการพิสูจน์เช่นนั้นยังเป็นที่ต้องการของพวกหัวสูงทางวรรณกรรม—ว่านิยายสืบสวน เติบใหญ่มีวุฒิภาวะมานานแล้ว หลักหมายสำคัญๆด้านอาชญนิยายในรอบ 110 ปีไม่เพียงถูกวางลงโดยนักเขียนนิยายสืบสวนอย่างโคนัน ดอยล์, โมริซ เลอบล็อง, ฌ้าคส์ ฟูเตรลล์, อาร์. อ๊อสติน ฟรีแมน, เมลวิลล์ เดวิสสัน โพ้สต์, เอ๊ช. ซี. เบลี่ย์, อกาธา คริสตี้, โดโรธี แอล. ซาเย่อร์ส๎, ฌ้อชส์ ซิเมอนง, มาร์เจอรี่ อัลลิงแฮม, ดาชีลล์ แฮมเม็ตต์, จอห์น ดิ๊คสัน คาร์ร๎ และคอร์แนลล์ วูลริช แต่ยังวางลงโดยคนวรรณกรรมผู้มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างชาร์ลส๎ ดิ๊คกิ้นส์, ม้าร์ค ทเวน, รอเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน, จี. เค. เช้สเตอร์ตั้น, โอ. เฮ็นรี่ และดับเบิ้ลยู. ซอเมอร์เซ็ท มอห์ม—ไม่พักต้องพูดถึงการมีส่วนร่วมอย่างสำคัญของโธมัส ฮาร์ดี้, อ๊อสคาร์ ไวลด์, รัดย้าร์ด คิปลิ่ง, เอ๊ช. จี. เวลล์, จอห์น กัลส๎เวอร์ธี, อันตัน เชค้อฟ, ซินแคลร์ ลูอิส, เพิร์ล เอ๊ส. บั๊ค, เอ็ดนา เซ้นต์วินเซ็นต์ มิลเลย์, จอห์น สไตน์เบ็ค, เออร์เน้สต์ เฮมิงเวย์—และวิลเลียม ฟ้อล์คเนอร์....