บทเกริ่น
กินอิ่ม พี่สาวเก็บกวาดชำระที่ทาง แสงออนกับแม่เอาหม้อกูกหม้อแกงและถ้วยหว่านจานช้อนลงไปล้างที่ลำห้วย แดดยามบ่ายแสงอ่อนไม่ร้อนแรง แสงสอดทอดลงเป็นลำเฉียงตามหลืบใบไม้ นกปกร้องปกๆ อยู่ในป่า นกบ่าแห้แผ่ขนหัวเหมือนคนคลี่พัด น้ำห้วยเย็นใสมีไคลผาลากยาวเป็นเส้นเป็นสาย ห้วยนี้ชื่อว่าห้วยหินเขียว แต่ลุงหนานแอกลับว่าแต่ก่อนแต่เดิมเคยเรียกว่าห้วยงูหลวง มีคนพบงูหลวงตัวเท่าท่อนซุง เป็นงูมีหงอน
“อีแม่รู้ดีใช่ไหม เรื่องนี้”
“เรื่องใด”
“เรื่อง...ที่ลุงหนานแอเล่า”
เธอพยายามเลี่ยงถ้อยคำตรงๆ เพราะกลัวจะเป็นการเล่าหน้าจาขวัญท่าน เป็นการอันบ่ดี หากท่านโกรธหรือไม่พอใจ ท่านอาจบันดาลเภทภัยให้เกิดแก่ตนได้
“เรื่องราวเมื่อร้อยปีก่อนโน่นแล้วเอ็ง แต่เมื่อไทยองหมู่นั้นเขาย้ายออกไป หมู่เฮายังบ่เข้ามา”
“เรื่องราวมันเป็นอย่างใด”
“ถามทำไม”
“ข้า...”
“อะไรกันเล่า อุบๆ อำๆ อ้ำอึ้ง จะพูดอะไรก็พูดให้หมดซิ”
แสงออนไม่พูด นึกไปถึงกลิ่นหอมหวานซ่านดง เป็นกลิ่นรุกเร้าแกมข่มขู่คุกคามให้สยบยอม นึกถึงอ้อมแขนมัดอกมัดเอวเหมือนขนดงูแล้วขนลุก
เหมือนเคย
เหมือนไม่เคย
คลับคล้ายคลับคลา
บทอัศจรรย์
“พรุ่งนี้เอ็งไปช่วยพี่ไพตองหน่อยนะ จะเอาไว้มุงหลังคาห้างไร่”
“พรุ่งนี้บ้านบวกหมดติดตลาด ข้ากับแม่ว่าจะไปหาซื้อพริกเกลือ น้ำมันก๊าด กะปิน้ำปลา”
“ชวนไปไร่ทีไร เอ็งบ่ายเบี่ยงทุกที มีอะไรหรือ แสงออน”
“เปล่าพี่” หลบตาลง แสร้งเอาไม้เขี่ยไส้ตะเกียงที่ไหม้แดง “ไม่มีอะไร”
“นอนนะ หลับชื่นตื่นเช้าอยู่ดีมีแฮง”
ทำสายตามีความหมาย เป็นความหมายที่รู้กันเฉพาะผัวหนุ่มเมียสาว แสงออนรู้ความหมายพิเศษในสายตาก็ร้องฮื้อ รู้ได้เลยว่าหน้าแดงเพราะร้อนขึ้นหน้าไปถึงใบหู หนานไทเป่าไฟดับ แสงออนบิดหมับที่ต้นขาผัว
“อีพ่ออีแม่ยังไม่นอน”
“ไม่เป็นไร เรือนนี้มั่นคง ไม่โยกไม่ไหว”
“อะไรกันนักหนาพี่ กินไม่รู้จักอิ่มจักพอ”
ผู้ผัวไม่อยากต่อปากต่อคำ ข้างขึ้นเดือนอ่อน ลมออนจอนพัดปลายไม้พร้าว กลิ่นดอกแก้วล่องลมหอมไกล กลิ่นกายเมียสาวหอมเหมือนดอกข้าวใหม่ อยู่ในความมืด แต่ยังมองเห็นเมียงามงดงาม หน้านางนวลเหมือนเดือนขึ้นใหม่ หลังไหล่แขนขา ทรวดทรงองค์เอวงดงามไปหมด จูบดมชมชื่นไปทุกส่วน ดมดอมหอมหวานไม่รู้เบื่อหน่าย แสงออนอายผัว หลับตาลงเสีย แต่ตาภายในมองเห็นชายน้อยอ้อนแอ้นเอวบางสำอางสำอาด วาดมือชี้นิ้วคิ้วขมวด สายตาดูกราดเกรี้ยวดุดัน ข่มขวัญคุกคาม
“อย่า! พี่หนาน”