มิ่งมิตรดุริยกร/สันโค้ง

มิ่งมิตรดุริยกร (In Bad Company &The Blind Musician)
วลาดีมีร์ คาราเลียนโก: เขียน 
ร. จันเสน :แปล
เรืองเดช จันทรคีรี : บรรณาธิการ
สำนักพิมพ์ฅนวรรณกรรม
หนา 400 หน้า | ขนาด 16 หน้ายกธรรมดา (12.8 x 18.5 ซม.) | เข้าเล่มเย็บกี่ ปกแข็งสันโค้ง ติดริบบิ้นคั่นหน้า | ปกพิมพ์ 4 สี อาบด้าน สปอตยูวี | เนื้อในพิมพ์ขาว-ดำ กระดาษถนอมสายตา 75 แกรม | ทุกเล่มระบุหมายเลขลำดับ
*****
นวนิยายขนาดสั้น 2 เรื่องของนักเขียนผู้ได้รับสมญานามว่า “มโนธรรมแห่งรัสเซีย”
.
นวนิยาย มิ่งมิตรในหมู่มาร (In Bad Company) เป็นผลงานที่ส่งให้คาราเลียนโกกลายเป็นนักเขียนชั้นนำ
เขาเขียนเรื่องนี้ระหว่างถูกเนรเทศอยู่ในยากูตียา (ค.ศ.1881-1884) และได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1885 
เขากล่าวว่าหลายอย่างในเรื่องนี้มาจากชีวิตจริง ฉากที่บรรยายก็เป็นภาพของเมืองร้อฟโนซึ่งเขาเคยใช้ชีวิตวัยเยาว์ช่วงหนึ่งอยู่ที่นั่น บุคลิกภาพบางส่วนของบิดาคาราเลียนโกปรากฏอยู่ในบุคลิกของผู้พิพากษาในเรื่อง
ภาพประทับใจระหว่างพ่อกับลูกฉายออกมาจากการมองโลกในแง่ดีอย่างไม่รู้เหนื่อยหน่ายของผู้เขียนและความเชื่อมั่นอย่างไม่คลอนแคลนว่าจิตใจของมนุษย์นั้นมีสิ่งที่ดีงามซ่อนอยู่
.
นวนิยาย ดุริยกรบอด (The Blind Musician) ตีพิมพ์ในปี 1886 เป็นผลงานที่รู้จักกันดีที่สุดของคาราเลียนโก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศเกือบทุกภาษา 
แก่นเรื่องอยู่ตรงแนวคิดที่ว่า มนุษย์เราจะมีความสุขได้ก็ต้องละความหมกมุ่นยึดถือตนเองไปเสียก่อน ในตอนท้ายคาราเลียนโกเขียนบรรยายตัวเอกไว้ว่า “แทนที่ความทุกข์เก่าๆอันมืดบอดเห็นแก่ตัวและไม่บรรเทาเบาบาง เดี๋ยวนี้เขามีความรู้ที่แท้จริงต่อชีวิตอยู่ในดวงวิญญาณแล้ว เขาได้รู้จักทุกข์สุขของผู้อื่นแล้ว”
*****
คำนิยมของมักซิม กอร์กี้:

"กว่ายี่สิบห้าปีแห่งชีวิตการประพันธ์ของผม ผมได้เห็นและรู้จักนักเขียนชั้นนำทุกคน ทั้งมีเกียรติได้รู้จักกับผู้ยิ่งใหญ่อย่างเลี้ยฟ ตอลสตอยด้วย แต่สำหรับผมแล้ว วี.จี. คาราเลียนโกยืนต่างหากจากพวกเขาทั้งหมดโดยมีตำแหน่งเฉพาะของตนเอง เป็นความสำคัญที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังชื่นชมได้ไม่จบสิ้น 
"ผมพบโดยส่วนตัวว่านักเขียนอันโดดเด่นและงดงามผู้นี้ ได้บอกผมมากมายเกี่ยวกับประชาชนรัสเซียอย่างที่ไม่มีใครก่อนหน้าเขาจะสามารถบอกได้ เขาเปล่งวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงสุขุมของปราชญ์ผู้รู้แจ่มแจ้งว่า ภูมิปัญญาทั้งมวลเป็นของสัมพัทธ์ หามีความจริงอันเที่ยงแท้ไม่...."
 
- มักซิม กอร์กี้(1918)